พระสมเด็จบางขุนพรหม และหลักการดู



ถึงพุทธคุณของ "พระเครื่อง" จะสัมผัสไม่ได้ด้วยตา แต่แน่นอนมีอิทธิพลทางด้านจิตใจอย่างมาก เมื่อห้อยอยู่ที่คอแล้วทำให้อบอุ่นกายแบบบอกไม่ถูก หลายคนคงได้เจอกับตัวเองมาแล้ว ยิ่งในห้วงที่การเมืองเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง เมื่อมีการแข่งขันสูง ความรุนแรงย่อมเกิดขึ้นได้ โดนเป็นรายแรก ส.ส.หลายสมัยของเมืองปากน้ำ "ประชา ประสพดี" มือปืนดักลอบสังหารด้วยอาวุธร้ายแรง แต่มัจจุราชยังไม่ต้อง การตัว ส่งผลให้รอดตายราวปาฏิหาริย์




หลัง จากรอดตาย "ส.ส.ประชา" โชว์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยให้รอดตายในครั้งนี้ เจ้าตัวมั่นใจเป็นเพราะบารมีของ "พระสมเด็จบางขุนพรหม" ที่ห้อยคออยู่ประจำ งานนี้ส่งผลให้ "พระสมเด็จบางขุนพรหม" ถูกแสวงหาราคาพุ่งขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว เพราะนักการเมืองหลายคนหันมาอาราธนาพกพาติดตัว ป้องกันอันตรายจากคมกระ สุน แทนการใช้เสื้อเกราะ

เรียกว่าพุทธคุณมั่นใจได้ไม่แพ้ "พระสมเด็จ วัดระฆังโฆสิตาราม"

ปัจจุบันสนนราคา "พระสมเด็จ วัดระฆังโฆ สิตาราม" ไต่อันดับขึ้นหลักล้านมายาวนาน แต่สิ่งสำคัญหาของแท้บูชาพกพาอาราธนาติดตัวยากมาก มีแต่เจอ "เก๊ใกล้แท้" นักสะสมส่วนใหญ่จึงเบนเข็มมาหา "พระสมเด็จบางขุนพรหม" แทน เพราะมีจำนวนที่มากกว่า และมีพิมพ์ทรงให้เลือกบูชามากกว่า แถมราคายังเบากว่าด้วย


"วัดบางขุนพรหม" ในอดีตมีอาณาบริเวณกว้างขวาง โดยเฉพาะในช่วงที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ชราภาพ ท่านมาจำพรรษาหาความสงบ ขณะนั้นชาวบ้านได้นำที่ดินมาถวายเพิ่มเติมจากเดิม เพื่อให้ท่านสร้างพระหลวงพ่อโต ประดิษฐานเป็นที่พึ่งทางใจของพุทธศาสนิกชน ทำให้วัดบางขุนพรหมมีอาณาเขตกว้างขวางมากขึ้น ทิศตะวันตกติดแม่น้ำเจ้าพระยา ทิศเหนือติดคลองเทเวศร์ ทิศตะวันออกถึงบ้านพาน บ้านหล่อพระนคร

ในขณะนั้นทางราชการได้สร้างทางตัดถนนวิสุทธิกษัตริย์ผ่านกลางวัดบางขุนพรหม ทำให้วัดบางขุนพรหมแยกออกเป็น 2 วัด คือวัดบางขุนพรหมใน และวัดบางขุนพรหมนอก

ปัจจุบันวัดบางขุนพรหมใน คือ "วัดใหม่อมตรส" สถานที่ประดิษฐานพระมหาเจดีย์ และวัดบางขุนพรหมนอก คือ "วัดอินทรวิหาร" สถานที่ประดิษฐานพระหลวงพ่อโตยืนองค์ใหญ่ "พระมหาเจดีย์" องค์นี้แหละเป็นที่มาของ "พระสมเด็จบางขุนพรหม"

ครั้งนั้นสมเด็จโต และเสมียนตราด้วง ศิษย์ใกล้ชิดท่าน หลังจากดำเนินการจัดสร้างพระมหาเจดีย์เสร็จ ได้จัดสร้างพระพิมพ์เป็นเนื้อผงสีขาว อย่างพระสมเด็จวัดระฆังฯ จำนวนมากถึง 84,000 องค์ เท่าพระธรรมขันธ์บรรจุไว้ เพื่อเป็นการบูชาและสืบทอดพระพุทธศาสนาตามโบราณนิยม

"พระสมเด็จบางขุนพรหม" ที่บรรจุไว้ในพระมหาเจดีย์ มีหลักๆ อยู่ทั้งหมด 9 พิมพ์ ดังนี้ พิมพ์ใหญ่, พิมพ์ทรงเจดีย์, พิมพ์เกศบัวตูม, พิมพ์ฐานแซม, พิมพ์เส้นด้าย, พิมพ์สังฆาฏิ, พิมพ์ฐานคู่, พิมพ์ปรกโพธิ์ และพิมพ์อกครุฑ เป็นต้น

ผมอยู่วงการพระมานาน โดนคำถามตลอด พระสมเด็จบางขุนพรหมกรุเก่าสภาพองค์พระที่เจอทำไมดูใหม่กว่าพระสมเด็จบางขุน พรหมกรุใหม่ คงอธิบายได้ไม่ยาก การนำพระขึ้นจากกรุที่ต่างกัน พระบางขุนพรหมกรุเก่ามีสภาพองค์พระที่สะอาด หลายองค์ไร้ขี้กรุเกาะติด เพราะช่วงนั้นมีการแอบใช้ดินเหนียวปั้นเป็นลูกกลมๆ หย่อนลงไปตามช่องลมพระมหาเจดีย์ เพื่อให้พระสมเด็จติดก้อนดินขึ้นมา เรียกว่า "ตกพระ"

องค์พระที่ได้จะอยู่ส่วนด้านบน สภาพพระจึงสมบูรณ์ ไม่ปรากฏขี้กรุชัดเจน ผิวเรียบ มีอยู่บ้างประเภทองค์พระขาวนวลขึ้นมาคล้ายฟองเต้าหู้

ส่วนพระสมเด็จบางขุนพรหมกรุใหม่ ได้มีการเปิดกรุอย่างเป็นทางการเมื่อปีพ.ศ.2500 โดยมี จอมพลประภาส จารุเสถียร เป็นประธานการเปิดกรุ ปรากฏว่าองค์พระสมบูรณ์มีน้อย ส่วนใหญ่แตกหัก ขี้กรุผสมจับตัวแน่น บางองค์เป็นก้อนสีน้ำตาลแก่

พระสมเด็จบางขุนพรหมกรุใหม่ ขณะนั้นทางวัดเปิดให้ประชาชนบูชาองค์สภาพสมบูรณ์องค์ละ 3-4 พันบาท ไล่ตามพิมพ์ที่นิยม ส่วนองค์ที่แตกหักให้บูชาองค์ละ 3-4 ร้อยบาท

ปัจจุบันพระสมเด็จบางขุนพรหม ทั้งกรุเก่าและกรุใหม่มีค่านิยมเล่นหามากขึ้นเรื่อยๆ เป็นเพราะมีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เป็นประธานการจัดสร้างพุทธคุณย่อมไม่แตกต่างกับพระสมเด็จวัดระฆังฯ และพระสมเด็จวัดไชโยแน่นอน

หลักการพิจารณา


พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์อกครุฑใหญ่
ตำหนิเอกลักษณ์
1.โคนพระเกศใหญ่ ปลายพระเกศจรดยอดซุ้มครอบแก้ว
2.พระพักตร์กลมปนรี
3.พระกรรณแนบชิดพระพักตร์และสอบเฉียงลงมา
4.หัวไหล่ซ้ายองค์พระจะสูงกว่าหัวไหล่ขวา
5.สังฆาฏิจะสั้นเป็นแบบสิงห์สอง
6.แขนขวาองค์พระกาง
7.ปลายเข่าซ้ายองค์พระจะเชิดขึ้น
8.ฐานชั้นบนสุดจะมีร่อง
9.ฐานชั้นล่างสุดเป็นฐานเขียง





พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์สังฆาฏิ ไม่มีหู (แบบแขนแคบ)
ตำหนิเอกลักษณ์
1.รอยพับครีบที่ขอบควรต้องมี ไม่ที่ใดก็ที่หนึ่ง
2.พระเกศเล็ก และยาวเรียวจนยอดซุ้มครอบแก้ว
3.พระพักตร์ทรงรี บางองค์จะเห็นจมูกรำไร
4.ลำพระองค์เป็นเส้นคู่
5.วงแขน จะเป็นวงแคบ ตรงข้อศอกจะหักเป็นมุมน้อยๆ
6.หัวเข่าขวา องค์พระมักตัดเฉียง เกิดจากการซ้อนเข่า
7.ซุ้มครอบแก้วจะเล็กบาง
8.ฐานชั้นบนสุดและชั้นกลางจะเป็นลำคม ส่วนฐานชั้นล่างสุดจะตัน





สมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ใหญ่ แบบซุ้มครอบแก้วใหญ่
ตำหนิเอกลักษณ์
1.พระพักตร์ทรงรี
2.เส้นซุ้มครอบแก้วพิมพ์นี้ใหญ่ และโย้น้อยๆ แบบพระฝั่งวัดระฆัง
3.อกทรงวีต้อ
4.วงแขนโย้
5.มีเส้นหัวเข่าวิ่งจรดข้อศอก
6.ฐานชั้นกลางพอเห็นเค้าฐานขาสิงห์
7.พลิกด้านหลัง ด้านบนขวามือ ยังพอเห็นร่องรอยปาดแผ่วๆ เริ่มจากทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ ลงไปทางตะวันตกเฉียงใต้





พระสมเด็จ บางขุนพรหม พิมพ์อกครุฑใหญ่
ตำหนิเอกลักษณ์
1.พระเกศโคนใหญ่ และสอบเข้าปลายแหลมแบบขั้วฟักทอง องค์พิมพ์ติดชัดๆจะเห็นปลายเกศจรดซุ้มครอบแก้ว
2.พระกรรณแนบพระพักตร์และสอบเข้า
3.แขนขวาองค์พระค่อนข้างกาง
4.สังฆาฏิเป็นแท่งเหลี่ยมยาว
5.หัวเข่ามน ปลายเชิดขึ้น
6.ฐานชั้นบนสุดโดยมากมักเป็นร่องตรงกลาง
7.กลางฐานชั้นกลางมักเป็นสัน
8.ฐานชั้นล่างสุดจะเป็นฐานเขียง





พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์สังฆาฏิ มีหู (แขนโย้)
ตำหนิเอกลักษณ์
1.ขอบพระมักมีครีบม้วนพับ เป็นเอกลักษณ์ ที่พบบ่อยในพระสมเด็จ บางขุนพรหม
2.พระเกศเล็กยาว ทะลุซุ้ม
3.พื้นชั้นใน หลุบลงต่ำ
4.ซุ้มครอบแก้ว เล็กและชัน
5.เป็นพระมีพระกรรณ แต่พระกรรณด้านซ้ายองค์พระ มักติดชัดกว่า
6.แขนขวาองค์พระจะโย้ วงแขนไม่กลมอย่างพิมพ์ สังฆาฏิ ทั่วไป
7.ลำพระองค์ทึบตัน ไม่เป็นร่องอย่างพิมพ์สังฆาฏิ ทั่วไป
8.ฐานชั้นกลาง ถ้าพิมพ์ติดชัดๆ จะเห็นเป็นฐานสิงห์ ในองค์นี้พอเห็นร่องรอยที่ปลาย ฐานซ้ายองค์พระ (ขวามือเรา)