ประเภทเหรียญพระพุทธ เหรียญพระเกจิ รุ่นเก่าๆ นั้นมีราคาค่านิยมสูงมากขึ้น ดังนั้น จึงพัฒนาวิธีการทำให้ใกล้เคียงกับของเหรียญแท้โดยวิธี การนำเหรียญแท้ไปถอดพิมพ์ ซึ่งจะทำให้ได้จุดตำหนิทั้งด้านหน้าและด้านหลังใกล้เคียงของจริงมากดังนั้นรายละเอียด ตำหนิและความคมชัดของตัวหนังสือ รูเจาะหูเหรียญ และรอยตัดข้างของเหรียญ จึงเป็นจุดสำคัญในการพิจารณา เหรียญแท้และเหรียญปลอม
ในอดีตผู้สนใจศึกษาพระเหรียญ หลายคนเลือกที่จะใช้วิธีการจดจำรายละเอียดที่สำคัญของตำหนิเหรียญทั้งหมด ซึ่งอาจจะเกิดข้อผิดพลาดได้ในปัจจุบัน เพราะเหรียญเก๊ ทำได้ใกล้เคียงของจริงมาก
พระเหรียญ การศึกษาธรรมชาติของเหรียญ
โดยอาศัยหลักพื้นฐาน 4 ประการ ได้แก่
1.ความคมชัดของตัวหนังสือ หรืออักขระยันต์
2.พื้นผิวของเหรียญที่เรียบตึง ไม่มีร่องรอยของการถอดพิมพ์ ไม่มีขี้กลาก
3.การเจาะรูหูเหรียญ ต้องมีเนื้อปลิ้นเกินที่เป็นธรรมชาติ และ
4.วิวัฒนาการของการตัดขอบเหรียญ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามเทคโนโลยีในแต่ละยุคสมัย
ทั้ง 4 ประการนี้ ถือเป็นจุดที่ใช้ในการพิจารณาเหรียญว่าแท้หรือปลอม
ที่สำคัญยังสามารถนำไปใช้ในการพิจารณาพระเหรียญ ได้ทุกเหรียญ ไม่ว่าจะเป็นเหรียญในยุคสมัยใดก็ตาม
เพราะถึงแม้ว่ากรรมวิธีการทำปลอมในปัจจุบันจะสามารถทำได้ใกล้เคียงกับของ จริงแค่ไหน
แต่ธรรมชาติของการผลิตเหรียญแต่ละยุค พระเหรียญ เหรียญพระเกจิ ย่อมมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าพระเหรียญ การซื้อ-ขายเหรียญในปัจจุบัน ผู้ชำนาญการจะใช้วิธีการพิจารณาด้านข้างของเหรียญเป็นบทสรุปว่า แท้หรือไม่ เพราะ…ขอบด้านข้างของเหรียญพระ เป็นสิ่งเดียวที่ยังไม่สามารถปลอมแปลงได้เหมือน
เนื่องจากร่องรอยที่ด้านข้างของเหรียญนั้น คือ ร่องรอยที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ จากขั้นตอนการผลิตในแต่ละยุคสมัย
อย่างไรก็ตาม การศึกษาเหรียญพระเครื่องต่างๆ ตามข้อสังเกต 4 ข้อข้างต้นนั้น จะต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อไปเช่าหาเหรียญมาศึกษา ที่เป็นที่นิยมของวงการ ล้วนแล้วแต่เป็นพระเหรียญ ที่มีราคาแพง
ตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักล้านแทบทั้งสิ้น ปัญหาจุดนี้ ผมจึงเสนอแนะแนวทางที่ประหยัดกว่า และน่าสนใจ
สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาแต่มีทุนน้อย นั่นก็คือ ให้ใช้วิธีไปเช่าเหรียญเก่าที่วงการไม่นิยม และมีราคาไม่แพงแทน
เพื่อนำมาศึกษาธรรมชาติของเหรียญที่เกิดจากวิวัฒนาการในการปั๊ม และการตัดขอบเหรียญ
ของ เหรียญพระพุทธ และเหรียญพระคณาจารย์ เพราะเหรียญพระเครื่องที่ออกมาในยุคสมัยที่ใกล้เคียงกัน
ย่อมจะมีขั้นตอนการผลิตที่คล้ายคลึงกัน อาจจะแตกต่างกันก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ทั้งนี้เพื่อให้ง่ายต่อการศึกษา ทำความเข้าใจ ผมจึงจำแนกเหรียญพระเครื่องต่างๆ ตามกรรมวิธีการปั๊มตัดข้างเหรียญ
โดยแบ่งออกเป็นออก 3 ยุคสำคัญ คือ
ยุคที่ 1.ประมาณ พ.ศ.2440-2485
ยุคที่ 2.ประมาณ
พ.ศ.2486-2499 และ
ยุคที่ 3.ประมาณ พ.ศ.2500-ปัจจุบัน
1. ช่วงปี พ.ศ.2440-2485 เป็นช่วงที่นิยมสร้างพระเหรียญ
เหรียญลักษณะรูปทรงกลม รูปไข่ รูปทรงอาร์ม และทรงเสมา ซึ่งรูปทรงเหรียญทั้ง 4
ชนิดนี้ สามารถแยกตามกรรมวิธีการสร้างได้เป็น 2 ชนิด คือ เหรียญชนิดปั๊มข้างเลื่อย
และเหรียญชนิดปั๊มข้างกระบอก
โดยเหรียญชนิดปั๊มข้างเลื่อย ก็คือ
การนำแผ่นโลหะที่มีขนาดใหญ่กว่าขนาดของเหรียญมาปั๊มให้ได้ตามลักษณะรูปทรง
ที่ต้องการ จากนั้นจึงนำไปเลื่อยฉลุให้สวยงามออกมาเป็นเหรียญตามรูปทรงนั้นๆ
ส่วนการปั๊มข้างกระบอก ก็คือ
การนำแผ่นโลหะมาเลื่อยให้ได้ตามรูปทรงของเหรียญที่จะทำการปั๊ม เพื่อเข้ากระบอก
และการปั๊มเหรียญนั้นๆ ดังนั้น ด้านข้างของเหรียญปั๊มชนิดนี้จึงมีความเรียบเนียน
เนื่องจากการกดปั๊มโดยมีตัวกระบอกเป็นตัวบังคับ
อย่างไรก็ตาม
บางเหรียญอาจมีเส้นทิวบางๆ ในขอบข้างเหรียญ
ซึ่งเกิดจากการแต่งขอบให้สวยงามก็ได้
2. เหรียญชนิดปั๊มข้างตัด
(ปั๊มตัดยุคเก่า) เป็นยุคที่เริ่มพัฒนากรรมวิธีการจัดสร้างเหรียญ
ด้วยการนำเครื่องจักรที่ทันสมัยมากขึ้น มาใช้แทนกรรมวิธีแบบเก่า
ที่ใช้การเข้ากระบอก และต้องเลื่อยขอบออก เพื่อตกแต่งในขั้นตอนสุดท้าย
ด้านข้างของเหรียญจะมีลักษณะมนๆ ไม่ค่อยมีริ้วรอยมากนัก
3.หรียญปั๊มตัดยุค พ.ศ.2500-ปัจจุบัน
ในยุคนี้ได้มีการพัฒนาตัวตัดข้างเหรียญที่ทันสมัย
เพื่อความสะดวกในการตัดขอบเหรียญในจำนวนมากๆ
ตัวตัดยุคนี้จึงค่อนข้างคมชัด
วิธีการดูพระเครื่องแท้
ประเภทเหรียญหากใครต้องการจะเจาะลึกเรื่องราวของเหรียญพระพุทธ
และเหรียญพระคณาจารย์แล้ว จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจศึกษา พระเหรียญอย่างแน่นอน
( บอย ท่าพระจันทร์ )
0 ความคิดเห็น