พระปฐมเจดีย์ นครปฐม


            เมืองนครปฐม นครปฐมเป็นเมืองโบราณที่ใหญ่ที่สุดในสมัยทวารวดี พุทธศตวรรษที่ 12 - 14 ยาวสามพันหกร้อยเมตรหรือสามกิโลเมตรครึ่ง กว้างสองพันเมตร ใหญ่เท่ากับอยุธยา แต่ถูกทำลายเสียเหี้ยนเลย ......."







"....ตัวพระปฐมเจดีย์อยู่นอกเมืองห่างสักประมาณกิโลกว่า ๆ เกือบสองกิโลเมตร คือเป็นเจดีย์เพื่อการจาริกแสวงบุญเป็นส่วนใหญ่ เป็นที่ๆ คนมาแสวงบุญ เมื่อร้างไปแล้วก็ปรากฏในจารึกสุโขทัยซึ่งเป็นจารึกของพระมหาเถรศรีศรัทธาราชจุฬามณี ในจารึกบอกว่า ขอมเรียกพระธม เรื่องนี้ต้องให้เครดิตกับ ไมเคิล ไรท์ พระธมหมายถึงพระปฐม แล้วเรื่องพระประธมก็ปรากฏในนิราศพระประธมของสุนทรภู่ ที่เรียกพระประธม ถึงเกิดตำนานพระยากงพระยาพานขึ้น รัชกาลที่ ๔ ไปมนัสการพระประธม
มีการไปกราบไหว้ถึงแม้ว่าจะหักพังไปแล้วก็ตาม เขาก็ทำเจดีย์ทรงปรางค์ครอบพระประโทน ครั้งรัชกาลที่ ๔ ท่านก็คิดว่าจะสร้างพระมหาสถูปครอบ ก็เลยเป็นหลักของบ้านเมือง เพราะฉะนั้น ประเพณีในการนับถือพุทธศาสนาในประเทศไทยนี้ ต้องไหว้พระบรมธาตุ เป็นวัดที่ไหว้พระบรมธาตุ และเจดีย์อีกหลายแห่งก็เชื่อว่าบรรจุพระบรมธาตุ ..........” ศรีศักร วัลลิโภดม เมษายน 2548

วันนี้ผมของนำเพื่อนชาว OKNation ไปเที่ยวชมเมืองโบราณรูปวงกลม "พระธม" หรือเมืองนครปฐมโบราณ ที่มี "พระมหาธาตุ" ศูนย์กลางของเมืองอยู่ที่ "สถูปพระประโทณเจดีย์" ซึ่งเป็นเจดีย์สมัยทวารวดีที่กำลังได้รับการบูรณะล่าสุดในประเทศไทยครับ

การเสนอเรื่องของผมในวันนี้ เช่นเดิมจะเป็นแนว “นอกกรอบ” ไม่เหมือนข้อมูลทางวิชาการหรือข้อมูลสาธารณะเช่นใน Web หรือเอกสารนำเที่ยว ฯลฯ ที่มีอยู่ ซึ่งผมก็เคยแนะนำใน Blog ก่อน ๆ แล้วครับว่า กรุณา“อย่าเชื่อผม” เพียงแต่ขอให้ได้คิดวิเคราะห์ และมีมุมมองอื่น ๆ ที่แตกต่างออกไปครับ

เมืองพระธมหรือนครปฐมโบราณ เป็นเมืองรูปวงกลมริมชายฝั่งทะเลโบราณ มีร่องรอยของชุมชนก่อนประวัติศาสตร์ในยุคหินมาจนถึงยุคเหล็ก มีการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนตามแนวลำน้ำ แม่น้ำ ที่ติดต่อออกไปสู่ทะเล มาตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ 8 - 10

จนเมื่อชาวอินเดียจากแคว้นต่าง ๆ ในชมพูทวีป หลากหลายผู้คน ความเชื่อและสาขาอาชีพ ต่างเดินทางเข้ามาแสวงหาโลกใหม่ ทรัพยากรและเสี่ยงโชค เข้ามายึดครองแผ่นดินสุวรรณภูมิเป็นชุมชนเล็ก ๆ

ชาวชมพูทวีปได้นำเอาวัฒนธรรม คติความเชื่อ เทคโนโลยี และการผสมกันระหว่างเผ่าพันธุ์ ทำให้เกิดกลุ่มคนลูกผสมใน Generations ใหม่ขึ้น ครอบครองดินแดน"สุวรรณภูมิ" และเป็นกลุ่มคนที่มีวัฒนธรรมทวารวดี กระจายตัวไปทั่วภูมิภาค ดูรายละเอียดเรื่อง "ทวารวดี" นี้จาก Blog http://www.oknation.net/blog/voranai/2007/05/29/entry-4 ครับ

เมืองโบราณนครปฐมในยุคแรก เป็นชุมชนบ้านใหญ่ชองเหล่า “โคตรตระกูลเดียวกัน” มีสัญลักษณ์ประจำตระกูลแตกต่างกันไปตามชุมชน กระจายตัวเดินทางเข้าไปลึกในภาคพื้นทวีปตามลำน้ำ ตั้งถิ่นฐานรวมตัวกันเป็นเมืองเริ่มแรกในราวพุทธศตวรรษที่ 11 บริเวณดอนยายหอม ที่เป็นเนินดอนใกล้กับทะเลมากที่สุด (ดูแผนที่ประกอบครับ)

Image

ผ่านมาอีกประมาณ 100 ปี แม่น้ำเปลี่ยนทิศทางและน้ำทะเลก็เริ่มลดระดับห่างออกไป ชุมชนโบราณดอนยายหอม ก็เคลื่อนย้ายหรือขยายตัวขึ้นไปยังดอนใหญ่ ดอนใหม่ทางทิศเหนือ รวมตัวกันเป็นกลุ่มชุมชนที่ใหญ่ขึ้น

จนเมื่อต้นพุทธศตวรรษที่ 13 จึงเกิดการขุดคูและสร้างแนวคันดินขึ้นเป็นกำแพงเมืองรูปวงกลมเป็นครั้งแรก เพื่อการชลประทานหรือการควบคุมน้ำในการเกษตรกรรม และการปกป้องชุมชนจากผู้คนที่แตกต่างกัน มีการสถาปนาพระสถูปมหาธาตุขึ้นกลางเมืองศูนย์กลาง "อาณานิคม" แห่งใหม่ในสุวรรณภูมิ ซึ่งนั่นก็คือ "พระประโทณเจดีย์" ครับ
Image

ในเวลาไล่เลี่ยกัน กลุ่มบ้านโคตรตระกูลใหญ่ด้านนอกเมือง ก็ได้สร้างพระสถูปมหาธาตุนอกเมืองขึ้นอีกแห่งหนึ่ง นั่นก็คือ "พระปฐมเจดีย์” ในปัจจุบัน


ส่วนในเมืองก็มีสร้างพระสถูปขึ้นอีกองค์คือ "เจดีย์จุลประโทน" ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับพระประโทณเจดีย์ และยังมีร่องรอยของสถูปโบราณอีก 3 – 4 แห่งที่สร้างขึ้นในระยะเวลาเดียวกัน ซึ่งนั่นก็แสดงว่า เมืองพระธมขยายตัวขึ้นมากจากสมัยแรก ๆ

พระปฐมเจดีย์ กลายมาเป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ที่สำคัญหรือมีประวัติศาสตร์อันเป็นที่รู้จักกันกว้างขวาง และถูกอนุมานให้เป็นมหาสถูปเจดีย์องค์แรกแห่งสุวรรณภูมิ มีอายุย้อนไปถึงสมัยพุทธศตวรรษที่ 3 ก็เพราะได้รับอิทธิพลมาจากการสร้างประวัติศาสตร์โดยล้นเกล้ารัชกาลที่ 4 ที่ได้ทรงสร้างให้พระปฐมเจดีย์มีความสูงมาสอดรับกับนิทานพื้นบ้าน เรื่อง “พระยากงพระยาพาน” และสอดรับกับความเชื่อในพระไตรปิฎกในคติเถรวาทของลังกาวงศ์ที่แต่งขึ้นในสมัยหลังพุทธศตวรรษที่ 19

จากเงื่อนไขเส้นทางน้ำโบราณ ที่ชาวเมืองพระนครกรุงเทพ ฯ จะเดินทางมาถึงเมืองนครปฐมโบราณ จะต้องผ่านมาจากแม่น้ำนครชัยศรี แล้วจึงมาเข้าทางคูเมืองโบราณด้านทิศเหนือ นำมาพบกับเมืองรกร้างในป่าอย่างนครปฐม



ด้วยไม่สามารถเดินฝ่าป่ารกชัฏทางบกได้ คลองน้ำในสมัยที่สุนทรภู่เดินทางมาแล้วแต่งวรรณกรรม พระประธม–พระประโทน ในต้นสมัยรัชกาลที่ 4 จึงไม่ได้เดินผ่านเข้าไปในเมืองโบราณ แต่ผ่านทางลำน้ำไปยังสถูปโบราณขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้น้ำ มีสภาพทรุดโทรม ปรักหักพังเป็นซากเนินดิน และเชื่อได้ว่าบนยอดของสถูปที่พังทลายจนกลายมาเป็นเนินดินกลมนั้น มีศาสนสถานแบบ”ปราสาท”หรือ”ปรางค์” ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมของวัฒนธรรมแบบเขมรในสมัยพุทธศตวรรษที่ 16 – 18 อยู่บนยอดเจดีย์ทวารวดีอย่างแน่นอน !!!

เงื่อนไขของพระปฐมเจีดย์ที่ตั้งอยู่ใกล้กับเส้นทางน้ำมากกว่า จึงทำให้ทั้งสุนทรภู่และล้นเกล้ารัชกาลที่ 4 ไม่ได้เข้ามาในเมืองโบราณ จึงไม่ได้มาพบกับพระประโทณเจดีย์ในครั้งแรก แต่ไปพบกับพระปฐมเจดีย์ก่อน !!!

นักวิชาการการหลายคนก็ไม่พูดถึง ว่าทำไมถึงมีปรางค์หรือปราสาทปรากฏอยู่บนยอดสถูปนั้น ?

ซึ่งก็เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า ในสถาปัตยกรรมแบบทวารวดีไม่เคยมีสิ่งก่อสร้างที่เป็นรูปทรง “ปราสาท” หรือ “ปรางค์” เลย จะมีสถาปัตยกรรมแบบปราสาทก็มาเริ่มในสมัยที่วัฒนธรรมเขมรเข้ามามีอิทธิพลในภูมิภาคลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งก็อยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 16 ลงมาแล้วครับ แล้วปรางค์บนยอดเจดีย์ทวารวดีมาจากไหน ?
Image

ล้นเกล้ารัชกาลที่ 4 ก็ได้โปรดให้มีการจำลองพระปรางค์หรือปราสาทอยู่บนยอดของเนินสถูปสมัยโบราณ ไว้ริมด้านนอกชั้นล่างขององค์พระปฐมเจดีย์ รวมทั้งภาพเขียนฝาผนังในวิหารทิศก็มีการจำลองรูปสถูปสมัยก่อนหน้าไว้ ซึ่งก็เป็นหลักฐานสำคัญ แต่ก็ไม่สามารถขุดค้นหรือสำรวจได้ เพราะเจดีย์ถูกสร้างครอบด้วยเจดีย์ทรงลังกาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสยามไปแล้ว นอกจากจะเจาะเข้าไปด้านในเพื่อการพิสูจน์ ซึ่งปัจจุบันยังไม่เคยมีใครเข้าไปสำรวจด้านในเลยครับ

ซึ่งผมก็ได้ตั้งสมมุติฐานโดยสมมุติ "ภาพจำลอง" ของพระปฐมเจดีย์ก่อนการสร้างเจดีย์ทรงระฆังครอบทับขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 ก็เป็นไปได้ที่ปราสาทที่อยู่บนเนิน อาจจะเป็นปราสาทเดี่ยวในคติศาสนาฮินดู ที่มีการค้นพบปะติมากรรมรูปศิวลึงค์ "ตรีมูรติ"และฐานรูปเคารพแบบเขมรหลายชิ้นในเขตเมือง
Image

หรืออาจจะเป็นปราสาทแบบพุทธศาสนาวัชรยานตันตระ ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ที่มีหลักฐานรูปเคารพพระวัชรสัตว์พุทธะขนาดใหญ่จำนวนมากรวมทั้งโบราณวัตถุในคติความเชื่อนี้อยู่ทั่วไปในเขตเมืองโบราณนครปฐม

Image

Image

Image

แต่โบราณสถานและวัตถุโบราณจำนวนมาก ก็ถูกเคลื่อนย้ายและเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เป็นต้นมาครับ ซึ่งนั่นก็หมายความว่ามีการทำลายหลักฐานทางโบราณคดีของเมืองนครปฐมอย่าง "ตั้งใจ ไม่ตั้งใจและรู้เท่าไม่ถึงการ" ไปมากมาย จึงมีโบราณวัตถุหลากหลายรูปแบบมาปรากฏตัวให้น่าฉงนใจอยู่ในพระปฐมเจดีย์พิพิธภัณฑ์สถานของวัดพระปฐมเจดีย์

Image

Image

วัตถุโบราณที่สะสมตัวอยู่ในอาคาร เป็นหลักฐานทางโบราณคดีของเมืองนครปฐมโบราณ มีรูปเคารพในคติความเชื่อที่แตกต่างกัน ทั้งคติความเชื่อแบบเถรวาทของทวารวดี คติแบบมหายานของทวารวดี คติแบบฮินดูของเขมร และคติแบบพุทธวัชรยานของเขมร ส่วนโบราณวัตถุในสมัยกรุงศรีอยุธยามีไม่มากนักครับ คงเพราะเวลานั้น นครปฐมโบราณกลายเป็นเมืองป่ารกร้าง ไม่มีผู้คนอาศัย แต่ก็เชื่อกันว่า น่าจะมีการเข้ามาของผู้คนในสมัยต่อมา เพื่อมาสักการะแสวงบุญสถูปเก่าแก่และได้นำประติมากรรมพระพุทธรูป
ปางปฐมเทศนาจากวัดหน้าพระเมรุเคลื่อนย้ายมาเก็บรักษาไว้ที่กรุงศรีอยุธยาอีกด้วย

Image

ในความเห็นของผม “จุลประโทณเจดีย์” เป็นเจดีย์ใหญ่ที่มี "ขนาดเดียวกัน" กับพระปฐมเจดีย์ก่อนสร้างเจดีย์ทรงลังกาใหญ่ครอบ และเป็น "สถูปเจดีย์มหาธาตุ" ที่มีความสำคัญระดับเดียวกันหรืออาจสำคัญกว่ากับ “องค์พระปฐมเจดีย์” เพราะเป็นสถูป "พระมหาธาตุกลางพระนคร" ขนาดใหญ่ ตามคติความเชื่อพระมหาธาตุที่สืบทอดกันต่อมาตั้งแต่สมัยเริ่มแรกจนมาถึงสมัยทวารวดีและส่งต่อมายังสมัยหลัง

Image

แต่เราหลงทางกันไปก็เพราะ พระปฐมเจดีย์ถูกทับถมด้วยการสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ มีเงื่อนไขที่ดีกว่าเพราะเหตุตั้งอยู่ใกล้กับเส้นทางเดินทางตามลำน้ำได้สะดวก มีประวัติศาสตร์การสร้างพระเจดีย์ใหญ่ขึ้นครอบทับ รวมทั้งการสร้างตำนาน ประวัติศาสตร์ให้กับ "พระปฐมเจดีย์" ในหลายยุคหลายสมัย

ส่วน พระประโทณเจดีย์ ก็มีตำนานเล่าว่า เป็นถิ่นที่อยู่ของพราหมณ์ตระกูลหนึ่งเรียกว่า "โทณะพราหมณ์" ที่เดินทางแสวงโชคมาจากชมพูทวีป และได้นำ "ทะนานทอง" ที่ใช้ตวงพระบรมสารีริกธาตุติดตัวมาด้วย โทณะพราหมณ์ได้สร้างเรือนหินเพื่อเป็นที่เก็บรักษาทะนานทอง และสถาปนาพระประโทณเจดีย์ขึ้นเก็บรักษาทะนานทองเอาไว้ (ยังมีเรือนหินอีกแห่งหนึ่ง เป็นโบราณสถานที่มีซากกองอิฐปรักหักพังเป็นเนินดินสูง สมัยรัชกาลที่ 6 ได้โปรดให้สร้างตำหนักสวนราชฤดี ใกล้พระประโทณเจดีย์ จึงได้รื้อทำลายสถูปอีกองค์หนึ่งเพื่อนำอิฐและปูนมาถมทำถนนที่ตัดจากนครปฐมไปสู่ตำหนักวัดพระประโทณ
Image

อีก "ตำนาน" หนึ่งก็เล่ากันว่า พระยาพานเป็นผู้สร้างพระปฐมเจดีย์เพื่อล้างบาปที่ฆ่าพ่อ และสร้างพระประโทนเจดีย์ขึ้นเพื่อล้างบาปที่ฆ่ายายหอม ผู้เลี้ยงตนมาตั้งแต่เป็นทารก ซึ่งทั้งสองก็เป็นตำนานที่แต่งขึ้นในสมัยหลังทั้งสิ้น !!!
Image

พระประโทณเจดีย์ มีสภาพเป็นเนินดินทับถมรกร้างมานานนับพันปี ในสมัยล้นเกล้ารัชกาลที่ 4 มาถึงล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 จึงได้มีการสร้างวัดพระประโทณเจดีย์ขึ้น ได้ขุดพบโบราณวัตถุในสมัยทราวดีเป็นจำนวนมากรอบ ๆ พื้นที่ เช่น พระพุทธรูป ลูกแว ลูกปัด เบ้าหลอมเครื่องประดับ รุปปูนปั้น ศรีษะบุคคล หัวยักษ์ หัวสัตว์ เศียรพระพุทธรูป ฯลฯ โบราณวัตถุเหล่านี้บางส่วนได้นำไปเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์
Image

พระครูสมถกิติคุณ (ชุ่ม) เจ้าอาวาสคนเก่า ได้สร้างเจดีย์ขนาดเล็กองค์หนึ่งด้านหน้าเขตสังฆวาส โดยนำโบราณวัตถุ ศิวลึงค์ พระพุทธรูป ศรีษะปูนปั้น เศียรพระ ลวดลายโบราณ และวัตถุโบราณที่ขุดได้โดยรอบวัดพระประโทณเจดีย์มาฝังผนังปูนซีเมนต์ไว้ อีกทั้งยังมีถ้วยชามสังคโลกติดผนังเจดีย์ไว้ด้านใน
Image

Image

ในสมัยล้นเกล้ารัชกาลที่ 4 ได้มีการสร้างพระปรางค์จำลองขึ้นบนฐานเนินดินพระประโทณเจดีย์ โดยรื้ออิฐและปูนปั้นจากด้านบนของเนินดินเจดีย์โบราณไปสร้างเป็นพระปรางค์ใหญ่ เพื่อเป็นรูปจำลอง ตามรูปแบบที่เชื่อว่าเป็นองค์พระปฐมเจดีย์องค์เก่า ในสมัยก่อนหน้าการสร้างเจดีย์ทรงลังกาใหญ่ครอบ
Image

Image

ต่อมาพระราชเจติยาภิบาล เจ้าอาวาสคนปัจจุบัน ได้บูรณะปรับปรุงโครงสร้างของพระปรางค์จำลองเดิมที่เริ่มพังทลายลง โดยเสริมฐานของพระปรางค์ขึ้นใหม่ ทำทางขึ้นและเทปูนฉาบผนังและทำระเบียงขึ้นด้านบน รวมทั้งทำผนังด้านฐาน รื้ออิฐและเศษปูนมาถม เทปูนทำเขื่อนเป็นฐานประทักษิณขึ้นใหม่โดยรอบเนินดินพระเจดีย์โบราณ
Image

จนเมื่อกลางปีที่ผ่านมา กรมศิลปากรได้ดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์เนินดินพระประโทณเจดีย์ โดยทำการขุดค้นหาหลักฐานไปจนถึงฐานล่าง รื้อส่วนที่เป็นฐานพระปรางค์ด้านบนออก และขุดรื้อฐานประทักษิณใหม่ที่ถมทับฐานเดิมของพระสถูปไว้ออกทั้งหมด เพื่อค้นหารากฐานเริ่มต้นของการสร้างพระสถูปในสมัยโบราณทางวิชาการ
Image

Image

นอกจากนี้ยังได้เสริมความแข็งแรงด้วยการสร้างรูปฐานขึ้นมาใหม่รอบด้าน โดยอาศัยรูปแบบโบราณที่ขุดแต่งพบเป็นแบบคัดลอก ใช้อิฐเก่าผสมกับอิฐเผาใหม่ที่เผามาเพื่อการบูรณะโดยเฉพาะให้มีขนาดเท่ากัน ใช้ปูนขาวผสมหมักเป็นตัวประสาน ส่วนปรางค์ด้านบนในสมัยรัชกาลที่ 4 ก็ดำเนินการซ่อมแซมใหม่ด้วยพร้อมกัน
Image

Image

พระประโทณเจดีย์เป็นเจดีย์โบราณแบบทวารวดี ที่มีหลักฐานการก่อสร้างที่สวยงามและสมบูรณ์ในระดับหนึ่ง และเชื่อว่ามีลวดลายปูนปั้นประดับอยู่มากมาย แต่ก็เสียหายไปมาก เพราะมีผู้คนผ่านเข้ามาเกี่ยวข้องหลายครั้ง หลายเวลา
Image

แต่ถึงอย่างไร ความสำคัญแห่งพระมหาธาตุของเมืองนครปฐมโบราณ ทั้ง พระประโทณเจดีย์ พระปฐมเจดีย์ และเจดีย์จุลประโทน เป็นล้วนแต่เป็นศาสนสถานที่สรางขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อบรรจุ "พระบรมสารีริกธาตุของพระศากยมุนีเจ้า" ของผู้คนในสมัยทวารวดี และที่สำคัญ ก็ยังมีความเชื่อกันในหมู่นักวิชาการอยู่ว่า ทั้งสามพระมหาธาตุนี้ ยังคงมีพระบรมสาริริกธาตุบรรจุอยู่โดยยังไม่ได้ถูกขุดค้นนำออกไปเช่นเจดีย์องค์อื่น ๆ ดังเรื่องราวอัศจรรย์แห่งพระบรมธาตุที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ทรงประจักษ์กับลูกไฟ ที่ลอยไปมาวนรอบพระปฐมเจดีย์ด้วยพระองค์เอง จึงทรงมีความผูกพันกับพระปฐมเจดีย์เป็นอย่างมาก

ซึ่งพระประโทณเจดีย์เอง ก็มีตำนานเล่าว่า เป็นที่บรรจุพระบรมธาตุกว่า 1,000 พระองค์ไว้ภายในพระสถูป ความเชื่อความศรัทธาก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าด้วยเพราะเป็นอุเทสิกเจดีย์ที่ระลึกถึงพระธรรมแห่งพระพุทธองค์ แต่ก็เพิ่งเปิดเผยโฉมจากการขุดค้นได้
ไม่นานมานี้


เนื้อหาคัดลออกมาจาก : http://www.oknation.net/blog/voranai เห็นว่ามีประโยชน์แก่ศาสนิกชน ในเชิงลึกจึงขอนำมาลงเพื่อให้ทุกท่านรู้ ประวัติศาสนสถาน วัฒนธรรม และการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น