พระพุทธรูปสำคัญ 9 องค์ ณ วังหน้า พระปฏิมาแห่งแผ่นดิน
พระพุทธรูปสำคัญ 9 องค์ ณ วังหน้า พระปฏิมาแห่งแผ่นดิน
พระพุทธรูปมงคลโบราณ 9 พระองค์ ควรค่าแก่การสักการะบูชา ณ หอพระวังหน้า
พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพฯ ซึ่ง พระพุทธรูปวังหน้า 9 องค์ ได้แก่ พระพุทธรูปปางต่างๆดังนี้
1. พระพุทธสิหิงค์ พระปฏิมาแบบสุโขทัย-ล้านนา นับถือเป็นพระพุทธปฏิมาศักดิ์สิทธิ์
ตามตํานานพระพุทธสิหิงค์ได้รับการอัญเชิญไปประดิษฐานเป็นสิริมงคลยังพระนครหลวง
ของไทยทุกแห่งนับแต่กรุงสุโขทัย เชียงใหม่ พระนครศรีอยุธยา
ตราบเท่าถึงกรุงรัตนโกสินทร์ จึงสถิตเป็นมงคลแก่พระนครประจํา ณ
พระราชวังบวรสถานมงคล
กรุงเทพมหานครได้อัญเชิญออกให้ประชาชนถวายน้ำสงกรานต์เป็นประจําทุกปี นับเป็นพระพุทธรูปอํานวยความอุดมสมบูรณ์และสวัสดิมงคลแก่บ้านเมือง
2. พระพุทธรัตนมหามุนี หรือ พระแก้วน้อย พระพุทธรูปศิลปะล้านนา
พุทธศตวรรษที่ 21เป็นพระพุทธรูปมงคลด้วยวัตถุพิเศษ
องค์พระพุทธรูปจำหลักจากอัญมณีเนื้ออ่อนแก้วสีเขียว พุทธศิลป์ล้านนาสมัยหลัง
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รับถวายจาก พ.ต.อ.อานนท์
อาขุบุตรและครอบครัวพระราชทานแก่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เมื่อปี พ.ศ.
2534
3-4.พระพุทธรูปไม้แก่นจันทน์แดงทั้งคู่ ศิลปะรัตนโกสินทร์
พุทธศตวรรษที่ 24 เป็นพระพุทธรูปมงคลด้วยวัตถุพิเศษ ตามดำนานพระแก่นจันทน์
ว่าด้วยสมัยพระพุทธเจ้าเสด็จโปรดพุทธมารดายังดาวดึงส์สวรรค์เป็นเวลา 3 เดือน
พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงอนุสรณ์ถึงพระพุทธองค์จึงโปรดให้สร้างพระพุทธรูปไม้
แก่นจันทน์ขึ้นในครั้งนั้น พระแก่นจันทน์จึงเป็นรูปแทนเสมือนองค์พระพุทธเจ้า
เพราะสร้างในขณะพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่พระเจ้าแผ่นดินและผู้มีอำนาจ
วาสนาจึงมักสร้างพระพุทธรูปจากไม้จันทน์หอมพระไม้แก่นจันทน์แดงทั้งคู่นี้
แสดงปางประทานอภัย มีความหมายถึงการปกป้องภยันตรายทั้งปวง
5.พระพุทธรูปทรงเครื่องพระมหาจักรพรรดิ พระพุทธรูปศิลปะอยุธยา
พุทธศตวรรษที่12 - 23 สร้างขึ้นตามคติเรื่องชมพูบดีสูตร
หรือพระพุทธเจ้าทรงทรมานพระยาชมพูบดี ทรงนิรมิตพระองค์ทรงเครื่องพระจักรพรรดิราช
เหนือพระยามหากษัตริย์ทั้งปวง
เพื่อคลายทิฐิมานะแห่งพระยามหาชมพูกษัตริย์ผู้ทรงอานุภาพพระพุทธรูปทรง
เครื่องพระมหาจักรพรรดิจึงหมายถึง อำนาจ
และธรรมอันเป็นแก่นสารยิ่งกว่าอำนาจแห่งทรัพย์สมบัติทั้งหลาย พระพุทธรูปองค์นี้
นิยมสร้างเป็นพระพุทธรูปฉลองพระองค์พระเจ้าแผ่นดิน
และพระบรมวงศานุวงศ์ผู้เป็นหน่อพุทธางกูร
6.พระพุทธรูปหลวงพ่อนาก พระพุทธรูปศิลปะล้านนา พุทธศตวรรษที่ 20
เป็นพระพุทธรูปมงคลด้วยวัตถุพิเศษ พระองค์สีนาก
เนื่องจากเนื้อสำริดมีส่วนผสมของทองคำมากเป็นพิเศษ พระเนตรฝังนิล
ประทับขัดสมาธิเพชรพระบาททั้งสองข้างจำหลักลวดลายมงคล
จากจารึกฐานพระพุทธรูปเป็นของพระยายุธิษฐิระเจ้าเมืองพะเยาสร้างเมื่อ พ.ศ.2019
เดิมพบในเจดีย์โบราณที่เมืองพะเยา
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มาเมื่อครั้งเสด็จประพาสมณฑลฝ่ายเหนือ
พ.ศ.2469 จึงพระราชทานให้เก็บรักษาในพิพิธภัณฑสถานพระพุทธรูปแสดงปางสมาธิ
หมายถึงการตรัสรู้ธรรม
7.พระชัยเมืองนครราชสีมา พระชัยลงอักขระขอม ลงอักขระขอม ปางมารวิชัย
ศิลปะอยุธยา พุทธศตวรรษที่ 19-20 สร้างขึ้นเป็นมงคลในการศึกสงคราม (เช่น
พระชัยหลังช้างและพระชัยอัญเชิญไปในเรือรบสำหรับนำทัพ) และการพระราชพิธี (เช่น
พระชัยพิธี) พระชัยอัญเชิญไปในการทัพ เพื่อประสบชัยชนะแก่อริราชศัตรู
และอัญเชิญในการพิธี
เพื่อปราศการรบกวนเบียดเบียนบีฑาและความสัมฤทธิ์ผลแห่งพิธีกรรมองค์พระชัยลง
อักขระขอมเป็นหัวใจพระคาถาบูชาพระพุทธเจ้า หมายถึง
ชัยชำนะโดยยึดถือคุณพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งอาศัย
8.พระไภษัชยคุรุ เป็นศิลปะลพบุรี พุทธศตวรรษที่ 17 - 18
แสดงปางสมาธินาคปรกทรงเครื่อง มีผอบพระโอสถอยู่ในพระหัตถ์
เป็นพระพุทธปฏิมาที่สร้างขึ้นตามคติพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน
ทรงเป็นหนึ่งในบรรดาพระพุทธเจ้าซึ่งมีอยู่เป็นอนันต์
นับถือว่าทรงเป็นพระพุทธเจ้าแพทย์
เนื่องจากทรงบำเพ็ญพระบารมีโดยอธิษฐานความปราศโรคภัยของผู้คนในกาลสมัยของ พระองค์
ผู้นับถือและบูชาพระองค์จึงปราศจากโรคภัยเบียดเบียน สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
แห่งกรุงกัมพูชา สร้างพระราชทานเป็นพระปฏิมาประธานในอโรคยศาลา
โดยให้ผู้ป่วยและประชาชนบูชา เพื่อพ้นจากโรคภัยไข้เจ็บ
9.พระหายโศก พระปฏิมาศิลปะล้านนา พุทธศตวรรษที่ 21
เป็นพระพุทธรูปของหลวงพระราชทาน มีนามเป็นมงคลพิเศษ จากจารึกฐานพระพุทธรูป
กล่าวว่าส่งมาถึงกรุงเทพฯ (จากล้านนา) ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เมื่อ พ.ศ. 2399 เดิมคงใช้ในพระราชพิธีหลวง จนกระทั่งกรมพระราชพิธี
ส่งมาเก็บรักษาในพิพิธภัณฑสถานเมื่อ พ.ศ. 2474 เชื่อกันเป็นพระพุทธรูป
ซึ่งอำนวยความสุขสวัสดี
|
0 ความคิดเห็น